กิจกรรม

JCK Cannabiz Industrial Park แห่งแรกใน Asia เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็น Cannabis Hub of Asi

JCK Cannabiz Industrial Park แห่งแรกใน Asia  เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็น Cannabis Hub of Asi

คุณอภิชัย เตชะอุบล กล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ปลดล๊อกกฎหมายให้สามารถใช้กัญชาทางการแพทย์ รวมถึงมีการสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือนได้ ดังนั้นกัญชาจึงกลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้มหาศาล

ในปี 2024 มูลค่าตลาดกัญชาโลกที่ถูกกฎหมายมีมูลค่ารวม 1แสนล้านเหรียญสหรัฐ และปริมาณความต้องการกัญชาด้านการแพทย์ในเอเชียอยู่ที่ 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดสูงถึง 661 ล้านเหรียญสหรัฐ รองแค่จีนและญี่ปุ่นที่มีประชากรมากกว่าประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ความได้เปรียบจากนโยบายของรัฐที่อนุญาตให้สามารถปลูกกัญชาได้ สภาพภูมิศาสตร์ อากาศ แสงแดด รวมไปถึงปัจจัยด้านต้นทุนในการผลิต ล้วนเป็นองค์ประกอบหลักที่ดึงดูดการลงทุนจากทั้งในแลต่างประเทศ

JCK International PLC ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการร่วมผลักดันนโยบายของรัฐ และสนับสนุนให้เกิดอุตสาหกรรม ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ ประกอบกับทางบริษัทมีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม จึงได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงในเวทีโลกเพื่อสร้าง “JCK CANNABIZ INDUSTRIAL PARK” เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมกัญชาและกัญชงที่ครบวงจรแห่งแรกในเอเชีย ซึ่งมีโรงงานอยู่ในพื้นที่ 100 ไร่ในเฟสแรก เป็นตัวอาคารโรงงานสร้างเสร็จเรียบร้อยรวมพื้นที่ 62,000 ตารางเมตร ที่มีงบลงทุนของ JCK International PLC มูลค่า 2,500 ล้านบาท และพร้อมที่จะร่วมมือกับบริษัทและนักลงทุนต่างประเทศในการพัฒนา ตั้งแต่สายพันธุ์ การปลูก และการสกัด และพัฒนาสินค้ามาตรฐานสูงสุดระดับโลกแห่งแรก และแห่งเดียวในเอเชีย

JCK Cannabiz Industrial Park แห่งแรกใน Asia  เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็น Cannabis Hub of Asi

บริษัท JCK International PLC ได้เข้าซื้อหุ้นจากบริษัท Bienestar T&N จำกัด ที่มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาทจำนวน 22% เพราะบริษัท Bienestar T&N มีความเชี่ยวชาญในการปลูกกัญชาทางการแพทย์ระดับประเทศ โดยได้รับความไว้วางใจจากสถาบันโรคผิวหนังภายใต้ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลบุรีรัมย์ โรงพยาบาลนางรอง ภายใต้สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ปลูกกัญชามากกว่า 70,000 ต้นต่อปี รวมถึงได้รับใบอนุญาตการปลูก นำเข้า ครอบครอง จำหน่าย และได้รับอนุญาตแปลนก่อสร้างโรงงานสกัดจากองค์การอาหารและยา เป็นที่เรียบร้อย

อีกทั้งบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท Bienestar T&N ในการดึงความร่วมมือจากกลุ่มบริษัทจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ บริษัท Cannabizta BV ที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกัญชา บริษัท Bosman Van Zaal ที่เชี่ยวชาญการสร้างระบบปลูกกัญชาระดับโลก บริษัท Delphy ที่รวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูก รวมไปถึงบริษัท Paradise Seeds ที่ผลิตเมล็ดและสายพันธ์กัญชาที่มีคุณภาพสูง และบริษัท Global Factories ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการจ่ายยาอัตโนมัติในรูปแบบ personalized medicine อีกทั้งความร่วมมือจาก บริษัท เอมารา เอเชีย ที่มีพันธมิตรเช่น Zelios International จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านการปลูกและการสกัดกัญชง โดยจะใช้พื้นที่ในการปลูกใน JCK Cannabiz Industrial Park 2 ที่นครพนม 1,500 ไร่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทั้งระบบ indoor และ outdoor เพื่อรุกสู่ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ธุรกิจสปาและธุรกิจพลาสติก Bio Resin ที่มีมูลค่ากว่าหลายแสนล้านบาท โดยมีตลาดส่งออกไปที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีรองรับ

การลงทุนในครั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจว่าสามารถที่จะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสที่หนึ่งของปี 2566 เป็นต้นไป มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท โดยหัวใจสำคัญในการสร้าง JCK Cannabiz Industrial Park คือการสร้างมาตรฐานระดับสูง ไม่เพียงเพื่อทำตลาดในประเทศไทย การรองรับนักท่องเที่ยว medical tourist ตลาดส่งออก แต่รวมถึงการสร้างอาชีพในพืชเศรษฐกิจใหม่ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Cannabis Hub of Asia